ภาวะตาแห้ง
ภาวะตาแห้ง
ดวงตาของคนที่สุขภาพดี จะมีน้ำตาเคลือบเป็นฟิล์ม ให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอจึงรู้สึกสบายตาแต่อาจเกิดภาวะตาแห้งได้เนื่องจากสาเหตุต่างๆ ดังต่อไปนี้
- สภาวะแวดล้อมแห้งมากหรือมีลมพัดเข้าตา
- ทำงานกับคอมพิวเตอร์หรือ อ่านหนังสือนานๆ จะกระพริบตาน้อยลงทำให้น้ำตาที่เคลือบเป็นฟิล์มลดลง
- ผู้ที่ใช้คอนแท็คเลนส์นานๆ จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองตาเพราะตาแห้งได้
- ผู้สูงอายุมักจะประสบปัญหานี้ค่อนข้างมากเนื่องจากมีการผลิตน้ำตาน้อยลง
- การกินยาบางชนิดทำให้ผลิตน้ำตาลดลง
หากต่อมน้ำตาผลิตน้ำตาน้อยลง จะทำให้น้ำตาไม่สามารถจับตัวเป็นฟิล์มเคลือบตาได้สม่ำเสมอตามปกติหรือหากฟิล์มน้ำตาขาดช่วงจะทำให้เกิดเป็นจุดแห้งของตาทำให้มีการระคายเคืองตา และการมองเห็นเลวลง
ภาวะตาแห้งมีอาการต่างๆ ดังนี้
- แสบตา เคืองตา คันตา
- รู้สึกคล้ายมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา
- มีอาการตาพร่าเป็นพักๆ
- ระคายเคืองตามาก เมื่อถูกลม หรือควันต่างๆ
- รู้สึกตาล้า หลังใช้คอมพิวเตอร์หรืออ่านหนังสือได้ไม่นาน
- สวมคอนแท็คเลนส์ตาลำบาก มักมีโรคติดเชื้อที่หนังตาบ่อย
- อาจมีน้ำตาไหลมาก เนื่องจากมีจุดแห้งบนกระจกตาจึงมี รีเฟล็กซ์ไปกระตุ้นต่อมน้ำตาให้ผลิตและหลั่งน้ำตาออกมา
ภาวะตาแห้งขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ หลักการรักษาจึงเป็นการทำให้ดวงตาชุ่มชื้นอยู่เสมอ ซึ่งทำได้โดย
- การให้น้ำตาเทียมโดยเลือกชนิดให้เหมาะสมกับความรุนแรง
- การปิดช่องทางไหลของน้ำตา
การเลือกน้ำตาเทียม
น้ำตาเทียมมีให้เลือกใช้มากมายหลายรูปแบบ
มีทั้งยาน้ำใส น้ำขุ่น ขี้ผึ้ง เจล ซึ่งมีส่วนประกอบต่างๆกัน
ส่วนประกอบที่สำคัญของน้ำตาเทียม ได้แก่ สารเพิ่มความหนืด สารปรับความเป็น กรด
ด่าง สารไฮโดรเจลที่มีคุณสมบัติพองตัวในน้ำ และเก็บความชุ่มชื้นไว้ในตัวได้
การเลือกชนิด
และรูปแบบของน้ำตาเทียมขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการตาแห้งเป็นอันดับแรก
กรณีที่ตาแห้งไม่มากใช้น้ำตาเทียมชนิดน้ำตาใสแบบบรรจุขวดใช้ได้หลายครั้ง
ชนิดใดก็ได้ที่หยอดแล้วสบายตา แต่หากมีอาการตาแห้งมาก จำเป็นต้องหยอดตาบ่อยๆ
ควรเลือกใช้น้ำยาใสชนิดไม่มีสารกันเสียเพราะการหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ
อาจทำให้แพ้หรือเกิดผลเสียจากสารกันเสียได้ทำให้ระคายเคืองตามากขึ้น
คล้ายอาการตาแห้งรุนแรง
หากใช้ยาหยอดตาเพื่อรักษาโรคอื่นอยู่แล้ว เช่น
ยาหยอดตารักษาต้อหิน ควรเลือกใช้น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย