เราควรทราบวิธีสังเกตยาที่มีอยู่ว่ายังสามารถใช้ได้หรือไม่ เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา เพราะหากยาที่ใช้หมดอายุหรือเสื่อมคุณภาพแล้ว นอกจากจะไม่มีผลในการรักษายังอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ซึ่งมีวิธีการสังเกตง่ายๆ ดังนี้
วันหมดอายุ
เขียนเป็นภาษาอังกฤษได้หลายแบบ เช่น Exp.date,
Expiring, Use by หรือ Use before ตัวอย่างเช่น
Exp.date 20/02/05 หมายความว่ายาจะหมดอายุในวันที่ 20
กุมภาพันธ์ 2005 แต่หากบนฉลากไม่ได้กำหนดวันที่วันหมดอายุ ก็ให้หมายถึงวันสุดท้ายของเดือนนั้นๆ
เช่น Exp.date 03/05 หมายความว่ายาจะหมดอายุในวันที่ 31
มีนาคม 2005 แต่ในบางครั้งจะระบุ ปีอยู่ด้านหน้าเดือน
สังเกตได้ว่าวันที่ผลิตตัวสุดท้ายจะเป็นวันเดียวกัน ในกรณีที่ยาไม่ได้กำหนดวันหมดอายุ
อาจสังเกตได้จากวันที่ผลิต (Manufacturing date หรือ Mfg.date)
ซึ่งโดยทั่วไป หากยานั้นผลิตมาเกิน 5 ปี ก็ไม่ควรนำมาใช้
ทั้งนี้ยาแต่ละชนิดจะมีอายุไม่เท่ากัน
และการเก็บรักษาก็มีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลกระทบ เช่น แสง ความร้อน
ในบริเวณที่เก็บ ทำให้บางครั้งยาที่ยังไม่ถึงวันหมดอายุ
แต่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพไปแล้ว ก็ไม่ควรนำยานั้นมาใช้
การสังเกตลักษณะทางกายภาพของยา
สามารถทำได้ง่ายๆ ยาที่เสื่อมคุณภาพแล้ว จะมีลักษณะดังนี้
§ ยาเม็ด
มีลักษณะแตกกร่อน กะเทาะ เปลี่ยนสี หรือสีซีด
§ ยาเม็ดเคลือบ มีลักษณะเยิ้มเหนียว
§ ยาแคปซูล
มีลักษณะบวม โป่งพอง ผงยาภายในจะจับกันเป็นก้อน เปลี่ยนสี หรืออาจมีเชื้อราขึ้นบนเปลือกแคปซูล
§ ยาน้ำเชื่อม
มีลักษณะขุ่น มีตะกอน เปลี่ยนสี มีกลิ่นบูดหรือเหม็นเปรี้ยว
§ ยาน้ำแขวนตะกอน มีลักษณะตะกอนจับตัวเป็นก้อนแข็ง
เขย่าแรงๆ จะไม่กระจาย
§ ยาหยอดตา
เปลี่ยนจากน้ำใสๆ เป็นน้ำขุ่น หรือหยอดตาแล้วมีอาการแสบตามากกว่าปกติโดยทั่วไปยาหยอดตาจะมีอายุเพียง 1 เดือน นับจากวันที่เปิดใช้ครั้งแรก
§ ยาฉีด แต่ละชนิดจะเสื่อมคุณภาพไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความคงตัวของยาแต่ละชนิด