วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ยาหยอดตาคอร์ติโคสเตียรอยด์

ยาหยอดตาคอร์ติโคสเตียรอยด์

เป็นยาหยอดตาที่มีคอร์ติโคสเตียรอยด์เป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะออกฤทธิ์ลดการอักเสบที่ตา มีทั้งชนิดที่มีเพียงคอร์ติโคสเตียรอยด์ตัวเดียว และชนิดที่มีตัวยาสำคัญ อื่นๆร่วมด้วย

ข้อบ่งใช้

ยาหยอดตาคอร์ติโคสเตียรอยด์ นั้นมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบจากการแพ้ โดยการให้ยาทางเยื่อตาขาวนั้น สามารถต้านการอักเสบที่เกิดขึ้นที่หนังตา ลูกตา เยื่อตาขาว กระจกตา เปลือกตา ม่านตา ยาสามารถต้านการอักเสบจากสาเหตุอื่น เช่น ความร้อน รังสี สารเคมี ป้องกันการอักเสบภายหลังการผ่าตัด ป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น

ยาหยอดตาคอร์ติโคสเตียรอยด์ไม่ใช่ยาที่ใช้ในการรักษาโรคให้หายขาด แต่เป็นเพียงการลดการอักเสบ ดังนั้นจำเป็นต้องหยุดยาทันทีที่อาการอักเสบหาย หรือตามที่แพทย์สั่ง ไม่ควรซื้อยามาหยอดเอง โดยทั่วไปยาจะไม่ถูกดูดซึมทั่วร่างกาย จึงไม่พบอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงของยาต่อระบบต่างๆ ภายในร่างกาย แต่หากมีการใช้เฉพาะที่เป็นระยะเวลานานๆ ก็อาจส่งผลต่อการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้

อาการไม่พึงประสงค์

  • ความดันลูกตาเพิ่มสูงขึ้น โดยขึ้นอยู่กับชนิดของยา ความเข้มข้น ระยะเวลาการใช้ยา
  • อาการแสบ ระคายเคืองตา
  • ผลต่อระบบในร่างกาย อื่นๆ ได้แก่ อาการปวดศีรษะ ความดันโลหิตลดลง ความผิดปกติของการรับรส เยื่อบุจมูกอักเสบ คออักเสบ 

รูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่าย


FML (Fluorometholone)
















FLAREX (Fluorometholone)
















INF OPH (Prednisolone)
















CD OPH (Chloramphenicol + Dexamethasone)
















DEX OPH  (Dexamethasone + Neomycin)
















TOBRADEX ED  (Tobramycin + Dexamethasone)



TOBRADEX EO (Tobramycin + Dexamethasone)







ALREX (Loteprednol 0.2%)


EXOPRED (Prednisolone + Ofloxacin)



LOTEMAX (Loteprednol 0.5%)

VIGADEXA (Moxifloxacin + Dexamethasone)



ZYLET (Loteprednol + Tobramycin)


วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

น้ำตาเทียม แนทเทียร์

น้ำตาเทียม แนทเทียร์


แนทเทียร์ ใช้เป็นน้ำตาเทียมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา
ส่วนประกอบ  ไฮดรอกซี่โพรพริล เมทิลเซลลูโลส 0.3 %
ราคา 71 บาท (มิ.ย.2557) เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ
ข้อบ่งใช้   

  • ใช้สำหรับบรรเทาอาการระคายเคืองของตาซึ่งเกิดจากลม แสงแดด หรือสารระคายเคืองอื่นๆ
  • ใช้ป้องกันการระคายเคืองของตา หรือบรรเทาอาการตาแห้ง
  • ใช้บรรเทาอาการระคายเคืองของตา ในผู้ที่สวมคอนแทคเลนส์ และผู้ที่จ้องมองจอคอมพิวเตอร์ หรืออ่านหนังสือเป็นเวลานานๆ
ขนาดและวิธีใช้

  • หยอดตาครั้งละ 1-2 หยด วันละ 2-3 ครั้ง หรือเมื่อรู้สึกเคืองตา (ขณะหยอดตา ระวังอย่าให้ปลายขวดถูกกับตา)
  • หยอดยา  2-3 หยดบนคอนแทคเลนส์ก่อนใส่เลนส์เข้าตาเพื่อลดอาการระคายเคืองจากคอนแทคเลนส์
ข้อห้ามใช้    ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยาหรือส่วนประกอบของยานี้

ข้อควรระวัง

  • ควรทิ้งน้ำยาที่เหลือไป หลังจากเปิดขวดใช้แล้ว 1 เดือน ห้ามใช้หลังวันหมดอายุ
  • หลังการใช้ยา ควรปิดขวดให้สนิท และเก็บขวดยาที่อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส
  • อย่าให้ปลายขวดถูกต้องกับสิ่งอื่น ซึ่งรวมถึงตาด้วย เพราะอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของยา
  • ก่อนใช้ยา ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางตา
คำเตือน

  • เก็บยาให้ห่างจากเด็ก
  • กรณีที่ใส่คอนแทคเลนส์ หากมีความรู้สึกไม่สบายตา หรือระคายเคืองตาเป็นเวลานานให้ถอดคอนแทคเลนส์ออก หยุดใช้ยา และปรึกษาแพทย์


อาการไม่พึงประสงค์

  • หลังหยอดยาอาจมีอาการแสบตา แพ้ หรือตาแดง หากมีอาการดังกล่าวให้หยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์


การเก็บรักษา เก็บที่อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส

วิธีเปิดใช้ 
แนทเทียร์ผลิตด้วยเทคโนโลยี การขึ้นรูปขวด บรรจุน้ำยา และปิดผนึกขวดในขั้นตอนเดียว ทำให้ขวดบรรจุยาปิดสนิท ไม่มีช่องเปิด เพื่อความมั่นใจในความสะอาด และปราศจากเชื้อ การเปิดใช้ครั้งแรกควรปฏิบัติดังนี้



วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

โรคจุดภาพชัดของจอตาเสื่อม

โรคจุดภาพชัดของจอตาเสื่อม (Macula disease)

ตาของเรามีส่วนรับภาพที่เรียกว่า จอประสาทตา หรือ จอตา ที่ทำหน้าที่รับสัญญาณแสงเพื่อส่งผ่านไปแปลง เป็นภาพที่สมอง บริเวณจอตานี้มีจุดรับภาพที่ควบคุมความชัดของจุดกลางภาพ เรียกว่า  จุดภาพชัดของจอตา  (Macula)


หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับจุดภาพชัดจอตา จะส่งผลให้การมองภาพส่วนกลางไม่ชัด คล้ายกับมีจุดดำบังตรงกลาง หรือเห็นภาพบิดเบี้ยวไป




โรคที่เกี่ยวกับจุดภาพชัดบนจอตาเสื่อม
1.      โรคจุดภาพชัดบนจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุชนิดที่มีหลอดเลือดงอกผิดปกติ (AMD) มีสาเหตุจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยในตาที่งอกขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะเปราะบางและเกิดการรั่วซึมได้ ทำให้จุดภาพชัดบวม มองเห็นภาพบิดเบี้ยว และสูญเสียการมองเห็นในส่วนกลางในที่สุด
2.      โรคจุดภาพชัดบวมน้ำจากโรคเบาหวาน (DME)

การรักษา
1.      การรักษาด้วยแสงเลเซอร์
2.      การฉีดยาเข้าวุ้นลูกตา




การฉีดยาเข้าวุ้นตา ยาที่ใช้ฉีดนี้มีคุณสมบัติยังยั้งการสร้างสารที่กระตุ้นให้เกิดเส้นเลือดที่งอกผิดปกติ 
ยาที่ใช้ฉีดเข้าวุ้นตาที่มีในโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) ได้แก่ 
  • bevacizumab (Avastin®) ราคา 500 บาทต่อเข็ม
  • ranibizumab (Lucentis®) ราคา 50,092 บาท (28 เม.ย. 57) 
ยาทั้งสองชนิดผลิตจากบริษัทเดียวกัน มีลักษณะการออกฤทธิ์ที่คล้ายคลึงกัน แตกต่างกันที่การขึ้นทะเบียนด้วยข้อบ่งใช้ที่แตกต่างกัน และมีราคาแตกต่างกัน
คณะกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักได้พิจารณา bevacizumab (Avastin®) ขึ้นทะเบียนในบัญชียาหลักแห่งชาติ     บัญชี จ(2) หรือบัญชีรายการยาสำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นเฉพาะ ทำให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในการรักษามากขึ้น

สำหรับผู้ป่วยโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) สามารถรักษาได้ตามสิทธิ์การรักษา โดยหากแพทย์ระบุข้อบ่งชี้ตามที่คณะกรรมการบัญชียาหลักกำหนด ก็สามารถเบิกได้

อ้างอิง จุลสารโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ ปีที่ 5 ฉบับที่ 17 กรกฏาคม-กันยายน 2555

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

ยาหยอดขยายม่านตาคืออะไร

ยาหยอดขยายม่านตาคืออะไร


ยาหยอดขยายม่านตาคืออะไร คือยาหยอดที่มีตัวยาที่ไปทำให้รูม่านตาขยาย แบ่งเป็น 2 ชนิด
·       ยาออกฤทธิ์กระตุ้นซิมพาเทติก ยาทำให้กล้ามเนื้อขยายรูม่านตาทำงาน รูม่านตาจึงขยายออก ใช้สำหรับขยายรูม่านตาเพื่อตรวจจอประสาทตา หรือเตรียมการผ่าตัดภายในลูกตา ต้องระวังในผู้ป่วยที่มีช่องหน้าลูกตาแคบ เพราะอาจทำให้เกิดต้อหินเฉียบพลันได้
ผลข้างเคียง มีฤทธิ์หดหลอดเลือดทำให้ความดันเลือดสูง ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ไม่ควรใช้ในทารกแรกเกิด ผู้ป่วยโรคหัวใจ ยาที่ใช้บ่อยคือ Phenylephrine ในผู้ใหญ่ใช้ยาขนาด 10% สำหรับเด็กใช้ขนาด 2.5% เริ่มออกฤทธิ์หลังหยอดยา 30 นาที มีฤทธิ์อยู่นาน 2-3 ชั่วโมง มักใช้ร่วมกับยาขยายม่านตาอีกกลุ่ม เพื่อเสริมฤทธิ์ในการขยายรูม่านตา

·       ยาในกลุ่มที่มีฤทธิ์ยังยั้งพาราซิมพาเทติก ทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อหดรูม่านตา รูม่านตาจึงขยายออก มีประโยชน์ในการตรวจจอประสาทตา และเตรียมผ่าตัดภายในลูกตา นอกจากนี้ยายังมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อซิลเลียลีคลายตัว ผลคือเลนส์ตาไม่สามารถปรับสภาพได้ จึงใช้เมื่อจะวัดแว่นตาในเด็กเล็ก และใช้เพื่อลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อซิลเลียลีในการรักษาการอักเสบของยูเวีย ยากลุ่มนี้มักใช้หยอดเป็นระยะๆจนได้ฤทธิ์ตามที่ต้องการและมักทำให้แสบตา โดยอาจหยอดยาชานำก่อนเพื่อลดการระคายเคืองตา และจะช่วยให้ยาดูดซึมเข้าตาได้ง่ายขึ้น
ผลข้างเคียงที่ต้องระวังคือ อาจทำให้เกิดต้อหินมุมปิดชนิดเฉียบพลัน โดยเฉพาะในผู้ที่มีมุมช่องหน้าลูกตาแคบ ยาในกลุ่มนี้ได้แก่
1.      Atropine Sulfate ชนิด 0.5% , 1% ยาเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 30 นาทีและมีฤทธิ์อยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ถ้าใช้ในการรักษายูเวียอักเสบ ต้องหยอดตาวันละ 2-3 ครั้ง จึงจะได้ผลตามต้องการ นิยมใช้เพื่อวัดแว่นตาในเด็กเล็ก เพราะมีผลยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อซิลเลียลีได้มากที่สุด โดยให้หยอดตาขนาด 0.5%  วันละ 2-3 ครั้ง ก่อนวัดแว่นตา 3 วัน และให้อีกครั้งในตอนเช้าของวันที่จะวัด  

ผลข้างเคียงของยาโดยเฉพาะในเด็ก คือ ทำให้คอแห้ง ผิวหนังแห้ง  ตัวแดง มีไข้ หัวใจเต้นเร็ว ควรแนะนำให้ผู้ปกครองกดหัวตาของเด็กเวลาใช้ยา เพื่อลดการดูดซึมของยาเข้าสู่ร่างกาย


2.      Cyclopentolate HCl 1% (Cyclogyl) เริ่มออกฤทธิ์ 30 นาทีหลังหยอดตา และคงฤทธิ์อยู่ประมาณ 24 ชั่วโมง อาจมีผลข้างเคียงถ้าใช้กับผู้ป่วยเด็ก คือทำให้มีอาการสับสน เห็นภาพหลอน เดินเซ พูดไม่ชัด


3.      Tropicamide 1% (Mydriacyl) เริ่มออกฤทธิ์ประมาณ 30 นาทีหลังหยอดตา และหมดฤทธิ์ภายใน 5-6 ชั่วโมง เหมาะสำหรับขยายรูม่านตาเพื่อการตรวจจอประสาทตา เพราะหมดฤทธิ์เร็วกว่ายาชนิดอื่นๆ นิยมใช้ร่วมกับ Phenylephrine ในการขยายรูม่านตาเพื่อเตรียมก่อนการผ่าตัดต้อกระจก

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

น้ำตา

น้ำตา 

น้ำตา ประกอบด้วยสารหลายชนิด ได้แก่ น้ำ โปรตีน สารต้านเชื้อแบคทีเรีย ไขมัน อิเล็กโทรไล เซลล์ต่างๆ เป็นต้น สารประกอบเหล่านี้ช่วยให้ดวงตามีผิวเรียบ และมองเห็นได้ชัดเจน โดยจะเคลือบลูกตาเป็น  ชั้น คือ

  1. ชั้นนอกสุด ประกอบด้วยไขมัน  มีหน้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำตา ซึ่งอยู่ชั้นกลางระเหยเร็วเกินไป 
  2. ชั้นกลาง เป็นน้ำมีเกลือผสมเล็กน้อย ผลิตโดยต่อมน้ำตา น้ำตาชั้นกลางนี้มีปริมาณร้อยละ 90 ของปริมาณน้ำตาทั้งหมด มีหน้าที่ทำความสะอาด และกำจัดสิ่งแปลกปลอม เช่น เมื่อมีผงเข้าตา จะมีการกระตุ้นให้น้ำตาไหลออกมาล้างให้ผงนั้นออกไป ผู้ที่ต่อมน้ำตาผลิตน้ำน้อย น้ำตาชั้นนอกและน้ำตาชั้นในจะสัมผัสกัน ทำให้รู้สึกแสบ และเคืองตาได้
  3. ชั้นใน เป็นสารเมือกเคลือบผิวลูกตา หากสารนี้เคลือบไม่ทั่วตา จะเกิดจุดตาแห้งบริเวณที่ขาดสารเมือกได้ง่าย

หากต่อมน้ำตาผลิตน้ำตาน้อยลง จะทำให้น้ำตาไม่สามารถจับตัวเป็นฟิล์มเคลือบตาได้สม่ำเสมอตามปกติ หรือหากฟิล์มน้ำตาขาดช่วงจะทำให้เกิดเป็นจุดแห้งของตา ทำให้มีอาการระคายเคืองตาได้

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วิสลูป (Vislube)

วิสลูป (Vislube)

ส่วนประกอบ

ใน 1 มิลลิลิตร ประกอบด้วย โซเดียมไฮยาลูโรเนท 1.8 มก. โซเดียมคลอไรด์ โปแตสเซียมคลอไรด์    ไดโซเดียมไฮโดรเจนฟอสเฟต โซเดียมซิเตรท แมกนิเซียมคลอไรด์ แคลเซียมคลอไรด์ และน้ำสำหรับยาฉีด มีสูตรตำรับเป็น Hypotonic และปราศจากสารกันเสีย

ข้อบ่งใช้

ใช้รักษาโรคตาแห้งและแผลที่ผิวกระจกตา สาเหตุเนื่องมาจากอาการหรือโรคบางชนิด  เช่น หลังการผ่าตัดดวงตา ผ่าตัดต้อกระจก ผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ (เลสิก) หรือหลังการใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนประกอบของสารกันเสียเป็นระยะเวลานาน รวมทั้งการอักเสบของผิวกระจกตา ใช้บรรเทาอาการระคายเคืองอื่นๆ เช่น อาการตาแห้ง แสบตา และอาการเพลียตา อันเนื่องมาจากฝุ่นละออง เขม่าควัน เครื่องปรับอากาศ การนั่งทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์นานๆ และการใช้คอนแทคเลนส์

ขนาดและวิธีใช้

หักฝาจุกออก หยอดตาครั้งละ 1-2 หยดลงในเปลือกตาล่าง ตามความต้องการ หรือตามแพทย์สั่ง ในกรณีที่ใช้คอนแทคเลนส์ ให้หยดลงบนผิวคอนแทคเลนส์ ชนิดแข็งและอ่อน โดยไม่ต้องถอดคอนแทคเลนส์ออก

ข้อห้ามใช้

ห้ามใช้ในผู้ป่วยรายที่แพ้สารที่เป็นส่วนประกอบของน้ำยา

คำเตือนและข้อควรระวัง

ห้ามแตะบริเวณส่วนปลายที่เปิด และห้ามปลายหลอดแตะลูกนัยน์ตา ควรใช้ทันทีเมื่อเปิด และใช้ให้หมดภายในหนึ่งวัน

ขนาดบรรจุ

ขนาดกล่องบรรจุ 20 หลอด หลอดละ 0.3 มล. ราคา 414 บาท 
ขนาดซองบรรจุ 30 หลอด หลอดละ 0.3 มล. ราคา 563 บาท

การเก็บรักษา 
ควรเก็บในอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส

เป็นยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ 


วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ภาวะตาแห้ง

ภาวะตาแห้ง
ภาวะตาแห้ง
ดวงตาของคนที่สุขภาพดี จะมีน้ำตาเคลือบเป็นฟิล์ม ให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอจึงรู้สึกสบายตาแต่อาจเกิดภาวะตาแห้งได้เนื่องจากสาเหตุต่างๆ ดังต่อไปนี้
  1. สภาวะแวดล้อมแห้งมากหรือมีลมพัดเข้าตา
  2. ทำงานกับคอมพิวเตอร์หรือ อ่านหนังสือนานๆ จะกระพริบตาน้อยลงทำให้น้ำตาที่เคลือบเป็นฟิล์มลดลง
  3. ผู้ที่ใช้คอนแท็คเลนส์นานๆ จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองตาเพราะตาแห้งได้
  4. ผู้สูงอายุมักจะประสบปัญหานี้ค่อนข้างมากเนื่องจากมีการผลิตน้ำตาน้อยลง
  5. การกินยาบางชนิดทำให้ผลิตน้ำตาลดลง
หากต่อมน้ำตาผลิตน้ำตาน้อยลง จะทำให้น้ำตาไม่สามารถจับตัวเป็นฟิล์มเคลือบตาได้สม่ำเสมอตามปกติหรือหากฟิล์มน้ำตาขาดช่วงจะทำให้เกิดเป็นจุดแห้งของตาทำให้มีการระคายเคืองตา และการมองเห็นเลวลง

ภาวะตาแห้งมีอาการต่างๆ ดังนี้
  1. แสบตา เคืองตา คันตา
  2. รู้สึกคล้ายมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา
  3. มีอาการตาพร่าเป็นพักๆ
  4. ระคายเคืองตามาก เมื่อถูกลม หรือควันต่างๆ
  5. รู้สึกตาล้า หลังใช้คอมพิวเตอร์หรืออ่านหนังสือได้ไม่นาน
  6. สวมคอนแท็คเลนส์ตาลำบาก มักมีโรคติดเชื้อที่หนังตาบ่อย
  7. อาจมีน้ำตาไหลมาก เนื่องจากมีจุดแห้งบนกระจกตาจึงมี รีเฟล็กซ์ไปกระตุ้นต่อมน้ำตาให้ผลิตและหลั่งน้ำตาออกมา
หลักการรักษา

ภาวะตาแห้งขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ หลักการรักษาจึงเป็นการทำให้ดวงตาชุ่มชื้นอยู่เสมอ ซึ่งทำได้โดย
  1. การให้น้ำตาเทียมโดยเลือกชนิดให้เหมาะสมกับความรุนแรง
  2. การปิดช่องทางไหลของน้ำตา
ผู้ที่มีอาการตาแห้งไม่รุนแรงมักจะมีอาการดีขึ้นเมื่อได้รับการหยอดน้ำตาเทียม แต่น้ำตาเทียมชนิดยาน้ำใสจะมีฤทธิ์อยู่ได้ไม่นานนักจึงจำเป็นต้องหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆในผู้ป่วยบางราย จนอาจเป็นสาเหตุให้เกิดผลเสีย หรือแพ้สารกันเสียที่ใส่ในน้ำตาเทียมได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความไวเกินต่อสารกันเสียบางชนิด ดังนั้นจึงมีการทำน้ำตาเทียมบางชนิดที่ไม่มีสารกันเสียหรือชนิดที่สารกันเสียหรือชนิดที่สารกันเสียสลายตัวได้ และน้ำตาเทียมที่มีความหนืดเหมาะสมช่วยให้น้ำระเหยช้าลงทำให้ดวงตาชุ่มชื้นได้นานขึ้น

การเลือกน้ำตาเทียม
น้ำตาเทียมมีให้เลือกใช้มากมายหลายรูปแบบ มีทั้งยาน้ำใส น้ำขุ่น ขี้ผึ้ง เจล ซึ่งมีส่วนประกอบต่างๆกัน ส่วนประกอบที่สำคัญของน้ำตาเทียม ได้แก่ สารเพิ่มความหนืด สารปรับความเป็น กรด ด่าง สารไฮโดรเจลที่มีคุณสมบัติพองตัวในน้ำ และเก็บความชุ่มชื้นไว้ในตัวได้
การเลือกชนิด และรูปแบบของน้ำตาเทียมขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการตาแห้งเป็นอันดับแรก กรณีที่ตาแห้งไม่มากใช้น้ำตาเทียมชนิดน้ำตาใสแบบบรรจุขวดใช้ได้หลายครั้ง ชนิดใดก็ได้ที่หยอดแล้วสบายตา แต่หากมีอาการตาแห้งมาก จำเป็นต้องหยอดตาบ่อยๆ ควรเลือกใช้น้ำยาใสชนิดไม่มีสารกันเสียเพราะการหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ อาจทำให้แพ้หรือเกิดผลเสียจากสารกันเสียได้ทำให้ระคายเคืองตามากขึ้น คล้ายอาการตาแห้งรุนแรง

หากใช้ยาหยอดตาเพื่อรักษาโรคอื่นอยู่แล้ว เช่น ยาหยอดตารักษาต้อหิน ควรเลือกใช้น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย


Lid clean pad